วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2555

วังน้ำเขียว

วังน้ำเขียว





"วังน้ำเขียว" สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ คุณเคยไปมาแล้วหรือยัง  ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เพียง 2 – 3 ชม. เดินทางจากผ่านจ.ฉะเชิงเทรา เข้า อ.นาดี(ปราจีนบุรี) บนทางหลวงสาย 304 คลิ๊ก การเดินทางวังน้ำเขียว
     วังน้ำเขียว ผมเองวางแผนที่จะเดินทางมาสำรวจที่นี่อยู่หลายครั้งแต่มีอันต้องยกเลิกไป ความเป็นธรรมชาติโดยภูมิประเทศ ที่ราบสูงเนินเขาหากมองทางอากาศคงจะเป็นที่ทิวเขาลูกๆ สลับกับที่ราบ คงจะสวยไม่น้อย วังน้ำเขียวอยู่อีกด้านของเทือกเขาใหญ่ อากาศเย็นจากประเทศจีนจะพัดมาช่วงปลายฝน ผ่านมาทางที่ราบอีสานกระทบกับเทือกเขาใหญ่ ทำให้บริเวณ วังน้ำเขียวแห่งนี้เย็นตลอดทั้งปี ห้องพักรีสอร์ทบางแห่งจึงไม่จำเป็นต้องมีแอร์ เช่น วิลเลจฟาร์ม หากชอบบรรยากาศริมเขา อย่างเขาแผงม้า ก็ต้อง วิลล่าเขาแผงม้า หากชอบบรรยากาศบนเนินและสนามกว้างต้องที่ อิมภูฮิลล์ หรือบ้านไร่คุณนาย หากเป็นหมู่คณะแล้วสองที่หลังนี้เหมาะที่จะทำกิจกรรมได้ (ชมภาพและบรรยากาศรีสอร์ท คลิ๊ก ที่พักวังน้ำเขียว) หลังจากที่ผมได้สำรวจรีสอร์ทั้ง 4-5 ที่นี้แล้ว       ผมได้เดินถ่ายรูปไร่อรุ่นที่กำลังแทงช่อ ออกผล ทั้งสีเขียว สีม่วงจากต้น ดู ไร่อรุ่น คลิก ฟาร์มเห็ด รึไม่พลาดแน่นอน กับภาพมาโคสวย แต่เที่ยวเย็นไปหน่อย แสงไม่ค่อยพอ ถ่ายได้ไม่ค่อยดีนัก ก่อนออกแถวไทยสามัคคี แวะตลาดปากทางพอจะหาซื้อพืชผลทางเกษตรได้ น้ำองุ่น เห็ดต่างๆ ส่วนผมขอเห็ดออริจิสักสักโล ข้าวโพดนึ่ง กระท้อน แก้วมังกร สดจากไร่...
     วันรุ่งขึ้นหากมีโอกาส ควรขึ้นเขาแผงม้า ชมกระทิงป่า (เป็นสัตว์อนุรักษ์ ตามแคมเปญ ททท Unseen) ควรทราบว่า กระทิงพวกนี้จะออกมากินโป่งเช้าตรุ่ ประมาณ 6.00 น และ รอบเย็น 18.00 น. บวกลบสัก 1 ชม. คลิกดูรายละเอียด เขาแผงม้า       เขื่อนลำพระเพลิง บรรยากาศยามเย็นสวยงามไม่น้อยเมื่อแสงอาทิตย์ตกหลังเขาแสงทองอ่อนๆ กำลังลับขอบฟ้า โชคดีที่มีลมอ่อนๆโชยพัดมา บนผืนน้ำอันกว้างไกล มันก็สวยไปอีกแบบน้อ...
     รีสอร์ท แถววังน้ำเขียวนี้ มักจะปลูกไร่องุ่น ควบคู่ไปกับรีสอร์ท เนื่องจากอากาศเย็นตลอดทั้งปี องุ่นจึงเจริญเติบโตได้ผลผลิต OTOP ประจำอำเภอวังน้ำเขียว สินค้า ชอปปิ้งอื่น เช่น เห็ดหอม เห็ดนางรมหลววง (ออริจิ) เห็ดหลินจือ ผักเมืองปลอดสารพษ ที่ไร่ ลุงไกร ฟาร์มเห็ดหอมบ้านบุไทร ฟาร์มกล้วยไม้ ฟาร์มดอกหน้าวัว ฯลฯ
"วังน้ำเขียว" สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ คุณเคยไปมาแล้วหรือยัง  ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เพียง 2 – 3 ชม. เดินทางจากผ่านจ.ฉะเชิงเทรา เข้า อ.นาดี(ปราจีนบุรี) บนทางหลวงสาย 304 คลิ๊ก การเดินทางวังน้ำเขียว
     วังน้ำเขียว ผมเองวางแผนที่จะเดินทางมาสำรวจที่นี่อยู่หลายครั้งแต่มีอันต้องยกเลิกไป ความเป็นธรรมชาติโดยภูมิประเทศ ที่ราบสูงเนินเขาหากมองทางอากาศคงจะเป็นที่ทิวเขาลูกๆ สลับกับที่ราบ คงจะสวยไม่น้อย วังน้ำเขียวอยู่อีกด้านของเทือกเขาใหญ่ อากาศเย็นจากประเทศจีนจะพัดมาช่วงปลายฝน ผ่านมาทางที่ราบอีสานกระทบกับเทือกเขาใหญ่ ทำให้บริเวณ วังน้ำเขียวแห่งนี้เย็นตลอดทั้งปี ห้องพักรีสอร์ทบางแห่งจึงไม่จำเป็นต้องมีแอร์ เช่น วิลเลจฟาร์ม หากชอบบรรยากาศริมเขา อย่างเขาแผงม้า ก็ต้อง วิลล่าเขาแผงม้า หากชอบบรรยากาศบนเนินและสนามกว้างต้องที่ อิมภูฮิลล์ หรือบ้านไร่คุณนาย หากเป็นหมู่คณะแล้วสองที่หลังนี้เหมาะที่จะทำกิจกรรมได้ (ชมภาพและบรรยากาศรีสอร์ท คลิ๊ก ที่พักวังน้ำเขียว) หลังจากที่ผมได้สำรวจรีสอร์ทั้ง 4-5 ที่นี้แล้ว       ผมได้เดินถ่ายรูปไร่อรุ่นที่กำลังแทงช่อ ออกผล ทั้งสีเขียว สีม่วงจากต้น ดู ไร่อรุ่น คลิก ฟาร์มเห็ด รึไม่พลาดแน่นอน กับภาพมาโคสวย แต่เที่ยวเย็นไปหน่อย แสงไม่ค่อยพอ ถ่ายได้ไม่ค่อยดีนัก ก่อนออกแถวไทยสามัคคี แวะตลาดปากทางพอจะหาซื้อพืชผลทางเกษตรได้ น้ำองุ่น เห็ดต่างๆ ส่วนผมขอเห็ดออริจิสักสักโล ข้าวโพดนึ่ง กระท้อน แก้วมังกร สดจากไร่...
     วันรุ่งขึ้นหากมีโอกาส ควรขึ้นเขาแผงม้า ชมกระทิงป่า (เป็นสัตว์อนุรักษ์ ตามแคมเปญ ททท Unseen) ควรทราบว่า กระทิงพวกนี้จะออกมากินโป่งเช้าตรุ่ ประมาณ 6.00 น และ รอบเย็น 18.00 น. บวกลบสัก 1 ชม. คลิกดูรายละเอียด เขาแผงม้า       เขื่อนลำพระเพลิง บรรยากาศยามเย็นสวยงามไม่น้อยเมื่อแสงอาทิตย์ตกหลังเขาแสงทองอ่อนๆ กำลังลับขอบฟ้า โชคดีที่มีลมอ่อนๆโชยพัดมา บนผืนน้ำอันกว้างไกล มันก็สวยไปอีกแบบน้อ...
     รีสอร์ท แถววังน้ำเขียวนี้ มักจะปลูกไร่องุ่น ควบคู่ไปกับรีสอร์ท เนื่องจากอากาศเย็นตลอดทั้งปี องุ่นจึงเจริญเติบโตได้ผลผลิต OTOP ประจำอำเภอวังน้ำเขียว สินค้า ชอปปิ้งอื่น เช่น เห็ดหอม เห็ดนางรมหลววง (ออริจิ) เห็ดหลินจือ ผักเมืองปลอดสารพษ ที่ไร่ ลุงไกร ฟาร์มเห็ดหอมบ้านบุไทร ฟาร์มกล้วยไม้ ฟาร์มดอกหน้าวัว ฯลฯ

อุทยานวังตะไคร้

 อุทยานวังตะไคร้


อุทยานวังตะไคร้ เป็นอุทยานที่ได้รับการตกแต่งด้วยพันธุ์ไม้
ประดับนานาพันธุ์ ในเนื้อที่ 1,500 ไร่มีถนนให้รถยนต์วิ่งเข้าชมใน
บริเวณได้ เปิดรับนักท่องเที่ยวทั่วไปทั้งประเภท
เช้าไปเย็นกลับ และประเภทค้างแรม

ค่าผ่านประตู
(ตั้งแต่ 1 ก.ย.46)
- นักท่องเที่ยวเดินเท้าคนละ 10 บาท
- รถทุกประเภท คันละ 150 บาท (ผู้โดยสารเกิน 8 คน คิดเพิ่มคนละ 10 บาท)

- สำหรับรถมอเตอร์ไซด์ ต้องจอดไว้บริเวณด้านหน้าทางเข้า ชำระค่าจอดรถ 10 บาท และค่าผ่านประตูเข้าวังตะไคร้ คนละ 10 บาท


วังตะไคร้หรือจุมภฏ – พันธุ์ทิพย์อุทยาน

เป็นแหล่งที่สวยงามแห่งหนึ่งในประเทศไทย อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ
ประมาณ 120 กิโลเมตร หรือห่างจากตัวจังหวัดนครนายก
ประมาณ 16 กิโลเมตร มวลพฤกษชาติ พันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ
ภายในอุทยานแห่งนี้จะออกดอกสะพรั่งตัดกับท้องฟ้าสีน้ำเงิน
ทำให้เกิดทัศนียภาพงดงามทุกฤดูกาลโดยเฉพาะในฤดูฝน นอกจากนั้น ยังมีพันธุ์ไม้ นานาชนิด อุทยานวังตะไคร้
จึงเป็นดินแดนที่มีเสน่ห์แห่งความงามตามธรรมชาติ

พื้นดินเป็นที่ลาดเนิน สูง ต่ำ ตามธรรมชาติตัดกับท้องฟ้าสวยงามมาก

             

นับจากปี พ.ศ. 2495 ที่พลตรีพระจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุมภฏพงษ์บริพัตร กรมหมื่นนครสวรรค์
ศักดิพินิต และหม่อมราชวงศ์พันธุ์ทิพย์ บริพัตร ทั้งสองท่านสนใจในธรรมชาติได้เสด็จมาท่องเที่ยว
ได้ซื้อที่ดินและได้ปลูกบ้านหลังเล็ก ๆ ไว้หลังหนึ่งใกล้ ๆ น้ำตกสาริกา ปัจจุบันได้ยกให้เป็นสมบัติของ
สถานีอนามัยต่อมาได้พยายามแสวงหาสถานที่เพื่อสร้างตำหนักและอุทยานในชนบทสำหรับพักผ่อน
พระอิริยาบถ ในที่สุดได้พบสถานที่ถูกใจ จึงได้ซื้อกรรมสิทธิ์ที่ดินจากชาวบ้าน ที่ครอบครอง
อยู่บริเวณที่เรียกกันว่า วังตะไคร้ซึ่งเป็นชื่อดั้งเดิมที่ชาวบ้านเรียกกัน มานาน แล้วเนื่องจากลักษณะ
ภูมิประเทศตอนหนึ่งมีลำธารน้ำไหลมาสงบนิ่งอยู่เป็น วังน้ำกว้าง
บริเวณนี้มีความงดงามตามธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของลำธาร 2 ลำธารลำธารหนึ่งชื่อคลอง
มะเดื่อจากน้ำตกเหวกระถินกับอีกลำธารหนึ่งชื่อคลองตะเคียน จากน้ำตกแม่ปล้อง ลำธารทั้ง 2 นี้
ไหลมาบรรจบกันเป็นธารเดียว มีแอ่งน้ำขัง เป็นวังน้ำอยู่เป็นตอน ๆ ไหลลงสู่แม่น้ำนครนายกและมีต้นตะไคร้
น้ำตะไคร้หางนาค นับเป็นพันธุ์ไม้น้ำที่ชอบขึ้นอยู่ตามห้วยลำธารทั่วไป เป็นต้นไม้ที่เหนียวมากมีก้านสีดำ
และมีดอกสีชมพูน่ารักมาก บริเวณวังตะไคร้นี้เดิมมีเนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ ต่อมาได้ซื้อกรรมสิทธิ์ที่ดิน
จากผู้อื่นขยายตัวเป็นสวนพฤกษชาติ มีเนื้อที่ประมาณ1,000 ไร่เนื่องจากวังตะไคร้นี้เป็นด้านที่รับลมมรสุม
ตะวันตกเฉียงใต้ระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงเดือนตุลาคม จึงทำให้มีฝนตกชุกหุบเขาบริเวณนี้จึงมีพรรณไม้
ใหญ่น้อยมากมาย ลำธารน้ำจะมีน้ำเต็มฝั่งไหลเชี่ยวจัด จึงเป็นที่เล่นกีฬาล่องแก่งด้วยแพยาง หรือชูชีพกัน

ไร่องุ่นปภัสรา

ไร่องุ่นปภัสรา
 
 
 
ไร่องุ่นปภัสรา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งในสระบุรี เป็นไร่ของดาราสาวชื่อดัง นั่นก็คือ คุณกบ ปภัสรา ไร่มีขนาด กว้างขวางมาก มีเนื้อที่มากกว่าพันไร่ มีอาณาบริเวณเป็นเนินเขา 2 ลูกด้วยกัน มีองุ่นที่ปลูกไว้บนเนื้อที่ประมาณ 30 ไร่ มีอยู่ด้วยกัน 3 พันธุ์ คือ พันธุ์แบล็คไนซ์ เป็นองุ่นพันธุ์สีดำไร้เมล็ด สามารถรับประทานสด คั้นแต่น้ำ หรือนำไปทำเป็นไส้พายองุ่นและ ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้อีกหลายชนิด พันธุ์ลูพเพลเล็ต องุ่นพันธุ์นี้มีสีเขียว ไร้เมล็ด มีรสหวานจัดเป็นที่นิยมมากมักนำมารับประทานสด พันธุ์ไข่ปลาคาเวียร์ องุ่นพันธุ์นี้เป็นที่นิยมมากและมีราคาแพงมีสีดำ เม็ดเล็กเป็นพวงเกาะกันเหมือนเมล็ดพริกไทย มีรสชาติหอม หวานเป็นพิเศษและมีวิธีการรับประทานที่แตกต่างจากพันธุ์อื่นๆ ที่ต้องทานทั้งพวง มีฟาร์มนกกระจอกเทศ, ฟาร์มเพาะพันธุ์ม้าที่ ใหญ่ที่สุดในเอเชีย, มีทุ่งทานตะวัน และมีกิจกรรมอื่นๆอีกมากมาย อาทิ วอล์คแรลลี่, ขี่จักรยานตามไหล่เขา, ขี่ม้าชมฟาร์ม ให้คุณ ได้เลือกทำอย่างเพลิดเพลิน บริเวณด้านหน้าของไร่องุ่นปภัสรา เป็นที่จอดรถ และมีร้านขายขนมกับของฝากจากไร่ ของดังขึ้นชื่อ ที่มาแล้วต้องชิมให้ได้ คือ พายองุ่น ,น้ำองุ่นสด,ไอศครีมองุ่น นอกจากนี้ภายในไร่ยังมีร้านอาหารรสเลิศที่คอยให้บริการคุณอยู่

ฟร์ามจระเข้

สถานที่ท่องเที่ยว: ฟาร์มจระเข้

ฟาร์มจระเข้ Click for Thai language Click for English language

สถานที่: Crocodile Farm and Zoo
ที่ตั้ง: 555 หมู่ 7, ถนน ท้ายบ้าน
โทรศัพท์: 02 703 4891-5, 02 703 5144-8.
เวลาทำการ: เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 7 นาฬิกา - 18 นาฬิกา
ค่าบัตรเข้าชม: 80 บาท สำหรับคนไทย 300 บาท สำหรับชาวต่างชาติ ถ้าชาวต่างชาติที่สามารถพูดไทยได้โดยปกติจะได้ราคาคนไทย

เลื่อนลงเพื่อดูอัลบั้มภาพและแผนที่ทางอากาศ
ตั้งอยู่ถนนท้ายบ้าน ตำบลท้ายบ้าน ห่างจากตัวเมืองประมาณ 3 กิโลเมตร หรือสามารถเข้าทางถนนสุขุมวิท (สายเก่า) เทศบาลบางปูซอย 46 ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2493 ปัจจุบันเป็นฟาร์มจระเข้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก  ภายในเป็นสถานเพาะเลี้ยงจระเข้ขนาดต่าง ๆ กว่า 60,000 ตัว มีการแสดงโชว์จระเข้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00–16.00 น. ทุก ๆ 1 ชั่วโมง (พักเที่ยง) วันหยุดเพิ่มรอบ 12.00 น.และ 17.00 น.  นอกจากนี้ยังมีการแสดงของช้างแสนรู้ ซึ่งเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอันมาก โดยมีการแสดงทุก 1 ชั่วโมง เริ่มตั้งแต่เวลา 09.30 -16.30 น. ทุกวัน นอกจากการเลี้ยงจระเข้แล้ว ภายในฟาร์มยังมีสัตว์อื่น ๆ อีก เช่น เสือ ลิงชิมแปนซี  ชะนี เต่า งู  นก อูฐ ฮิปโปโปเตมัส กวาง และปลาจำนวนมาก  นอกจากนี้ยังสามารถเข้าชม พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ ได้จัดแสดงกระดูกและหุ่นจำลองไดโนเสาร์ พร้อมการฉายสไลด์มัลติวิชั่น เรื่องของมนุษย์และสัตว์ดึกดำบรรพ์ด้วย
ฟาร์มจระเข้และสวนสัตว์สมุทรปราการแห่งนี้เปิดให้เข้าชม  ทุกวันตั้งแต่เวลา 07.00-18.00 น. ค่าบัตรผ่านประตู ผู้ใหญ่คนละ 60 บาท เด็ก 30 บาท ชาวต่างประเทศ ผู้ใหญ่ คนละ 300 บาท   เด็ก 200 บาท การเข้าชมเป็นหมู่คณะหรือสถาบันการศึกษาที่ต้องการวิทยากร ควรมีหนังสือติดต่อล่วงหน้าไปที่ ฟาร์มจระเข้ และสวนสัตว์สมุทรปราการ เลขที่ 555 ถนนท้ายบ้าน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ 10280 หรือ โทร. 0 2703 4891 begin_of_the_skype_highlighting FREE 0 2703 4891 end_of_the_skype_highlighting, 0 2703 5144-8
การเดินทาง
นอกจากรถส่วนตัวแล้ว สามารถใช้บริการรถเมล์ปรับอากาศ ขสมก. สาย 536 ฟาร์มจระเข้-อนุสาวรีย์ชัย หรือสาย 507, 508 และ 511 หรือรถเมล์ธรรมดาสาย 25 และ 102 ไปยังจังหวัดสมุทรปราการ  แล้วต่อรถสองแถวปากน้ำ – ฟาร์มจระเข้ ที่ป้ายหลักเมือง หรือจะขึ้นรถตุ๊ก ๆ ในราคา 40 บาท

ตั้งอยู่ถนนท้ายบ้าน ตำบลท้ายบ้าน ห่างจากตัวเมืองประมาณ 3 กิโลเมตร หรือสามารถเข้าทางถนนสุขุมวิท (สายเก่า) เทศบาลบางปูซอย 46 ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2493 ปัจจุบันเป็นฟาร์มจระเข้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก  ภายในเป็นสถานเพาะเลี้ยงจระเข้ขนาดต่าง ๆ กว่า 60,000 ตัว มีการแสดงโชว์จระเข้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00–16.00 น. ทุก ๆ 1 ชั่วโมง (พักเที่ยง) วันหยุดเพิ่มรอบ 12.00 น.และ 17.00 น.  นอกจากนี้ยังมีการแสดงของช้างแสนรู้ ซึ่งเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอันมาก โดยมีการแสดงทุก 1 ชั่วโมง เริ่มตั้งแต่เวลา 09.30 -16.30 น. ทุกวัน นอกจากการเลี้ยงจระเข้แล้ว ภายในฟาร์มยังมีสัตว์อื่น ๆ อีก เช่น เสือ ลิงชิมแปนซี  ชะนี เต่า งู  นก อูฐ ฮิปโปโปเตมัส กวาง และปลาจำนวนมาก  นอกจากนี้ยังสามารถเข้าชม พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ ได้จัดแสดงกระดูกและหุ่นจำลองไดโนเสาร์ พร้อมการฉายสไลด์มัลติวิชั่น เรื่องของมนุษย์และสัตว์ดึกดำบรรพ์ด้วย
ฟาร์มจระเข้และสวนสัตว์สมุทรปราการแห่งนี้เปิดให้เข้าชม  ทุกวันตั้งแต่เวลา 07.00-18.00 น. ค่าบัตรผ่านประตู ผู้ใหญ่คนละ 60 บาท เด็ก 30 บาท ชาวต่างประเทศ ผู้ใหญ่ คนละ 300 บาท   เด็ก 200 บาท การเข้าชมเป็นหมู่คณะหรือสถาบันการศึกษาที่ต้องการวิทยากร ควรมีหนังสือติดต่อล่วงหน้าไปที่ ฟาร์มจระเข้ และสวนสัตว์สมุทรปราการ เลขที่ 555 ถนนท้ายบ้าน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ
การเดินทาง
นอกจากรถส่วนตัวแล้ว สามารถใช้บริการรถเมล์ปรับอากาศ ขสมก. สาย 536 ฟาร์มจระเข้-อนุสาวรีย์ชัย หรือสาย 507, 508 และ 511 หรือรถเมล์ธรรมดาสาย 25 และ 102 ไปยังจังหวัดสมุทรปราการ  แล้วต่อรถสองแถวปากน้ำ – ฟาร์มจระเข้ ที่ป้ายหลักเมือง หรือจะขึ้นรถตุ๊ก ๆ ในราคา 40 บาท

ต่างอากาศบางปู

mypaknam.comเกิดขึ้นจากกลุ่มผู้สนใจประวัติศาสตร์ท้องถิ่นปากน้ำ
เจ้าพระยาเมืองสมุทรปราการที่ต้องการสืบค้นหาที่มาของท้องถิ่นตัวเองให้
ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อขยายความส่งต่อให้เยาวชนรุ่นหลังและผู้สน
ใจทั่วไปได้รับรู้ทั้งประวัติความเป็นมา สภาวะแวดล้อมใกล้ตัวตลอดจนความ
สำคัญของชุมชนในอดีต
     โดยมีวัตถุประสงค์ให้ทุกคนได้ค่อยๆซึมซับในความงดงาม และ ความยิ่งใหญ่ของชุมชนเมืองสมุทรปราการ ทั้งในด้านที่เคยปรากฏ จนหายสาบสูญไปแล้ว และเรื่องราวบางส่วนที่กำลังจะถูกลืม
      ท่านสามารถติดต่อสอบถามแสดงความคิดเห็นและแจ้งความอนุเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยขอรับ
รองว่าการจัดทำแหล่งข้อมูลเหล่านี้จะถือเป็นวิทยาทานที่ไม่มีเรื่องของผลประโยชน์แอบแฝง และไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง
mypaknam.comเกิดขึ้นจากกลุ่มผู้สนใจประวัติศาสตร์ท้องถิ่นปากน้ำ
เจ้าพระยาเมืองสมุทรปราการที่ต้องการสืบค้นหาที่มาของท้องถิ่นตัวเองให้
ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อขยายความส่งต่อให้เยาวชนรุ่นหลังและผู้สน
ใจทั่วไปได้รับรู้ทั้งประวัติความเป็นมา สภาวะแวดล้อมใกล้ตัวตลอดจนความ
สำคัญของชุมชนในอดีต
     โดยมีวัตถุประสงค์ให้ทุกคนได้ค่อยๆซึมซับในความงดงาม และ ความยิ่งใหญ่ของชุมชนเมืองสมุทรปราการ ทั้งในด้านที่เคยปรากฏ จนหายสาบสูญไปแล้ว และเรื่องราวบางส่วนที่กำลังจะถูกลืม
      ท่านสามารถติดต่อสอบถามแสดงความคิดเห็นและแจ้งความอนุเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยขอรับ
รองว่าการจัดทำแหล่งข้อมูลเหล่านี้จะถือเป็นวิทยาทานที่ไม่มีเรื่องของผลประโยชน์แอบแฝง และไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง

ป้อมยุทธนาวี พระเจดีย์กลางน้ำ ฟาร์มจระเข้ใหญ่ งามวิไลเมืองโบราณ สงกรานต์พระประแดง ปลาสลิดแห้งรสดี ประเพณีรับบัว ครบถ้วนทั่วอุตสาหกรรม

รูป. สถานตากอากาศบางปู
สมุทรปราการ หรือ เมืองปากน้ำ มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เมืองพระประแดง ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 29 กิโลเมตร สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา ตั้งอยู่ปลายสุดของแม่น้ำเจ้าพระยา ทางด้านเหนือของอ่าวไทย มีพื้นที่ประมาณ 1,004  ตารางกิโลเมตร
จังหวัดสมุทรปราการแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ อำเภอพระประแดง อำเภอบางพลี อำเภอบางบ่อ อำเภอพระสมุทรเจดีย์ และอำเภอบางเสาธง
การเดินทาง
รถยนต์ สามารถใช้เส้นทางถนนสุขุมวิท (สายเก่า) และทางหลวงหมายเลข 303 (ถนนสุขสวัสดิ์) ระยะทางประมาณ 29 กิโลเมตร เข้าสู่ตัวเมืองจังหวัดสมุทรปราการ

เมืองโบราณ

พระบรมธาตุไชยา สุราษฎร์ธานี
เมืองโบราณสร้างขึ้นโดยคุณเล็กและคุณประไพ วิริยะพันธุ์ เมื่อพุทธศักราช ๒๕๐๖
!!!เมืองโบราณ เปิดให้บริการเที่ยวชมตามปกติ ไม่มีวันหยุด!!!

ฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์(เมืองโบราณ,ค่ายริมขอบฟ้า,พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ)

“เสริมศรัทธา ปัญญา สมาธิ”    (ค่ายธรรมะ )
             เมืองโบราณ จ.สมุทรปราการ    ได้จัดโครงการ    “เสริมศรัทธา ปัญญา สมาธิ”    (ค่ายธรรมะ )   ณ ค่ายริมขอบฟ้า เมืองโบราณ จ.สมุทรปราการ    เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชา และถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว     เนื่องในวโรกาสเฉลิมพรชนมพรรษา 85 พรรษา
            โครงการนี้ขึ้นจัดเพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมได้มีโอกาสฝึกอบรมและทำความในเข้าใจหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา      ตลอดจนจะได้เรียนรู้พัฒนาด้านจิตใจ ให้มีความสุขสงบ รู้หลักการดำรงชีวิตทั้งในระดับครอบครัวและสังคม จนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางสังคมของเขาเหล่านั้นและสังคมโลกให้เกิดความสุขสงบสันติอันยั่งยืนต่อไป
            โดยโครงการนี้จะมีการอบรมธรรมะปฏิบัติตามแบบวิถีพุทธ ฝึกเจริญจิตภาวนา กิจกรรมธรรมนันทนาการและรับประทานอาหารมังสวิรัติ

วงเวียนใหญ่

วงเวียนใหญ่
Wongwian Yai.jpg





วงเวียนใหญ่ เป็นวงเวียน ถนนประชาธิปกตัดกับถนนลาดหญ้าอดีตอยู่ที่จังหวัดธนบุรีแต่จอมพล ป.พิบูลสงครามได้ผนวกจังหวัดธนบุรีเข้ากับจังหวัดกรุงเทพมหานครแล้วเปลี่ยนชื่อเป็นกรุงเทพมหานคร เป็นที่ตั้งของพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี บริเวณใกล้เคียงเป็นที่ตั้งของสถานีรถไฟวงเวียนใหญ่ ซึ่งเป็นสถานีต้นทางของทางรถไฟสายแม่กลอง (วงเวียนใหญ่-มหาชัย)

 ประวัติ

พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2496 ในสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม ออกแบบและควบคุมการหล่อโดยศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ศิลปินผู้ปั้นคือนายแสวง สงฆ์มั่งมี เป็นพระบรมรูปทรงเครื่องกษัตริย์ ประทับบนหลังม้า ทรงพระมาลา เบี่ยงหันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้สู่จันทรบุรี พระหัตถ์ขวา ทรง พระแสงดาบชูออกไปเหนือพระเศียร พระหัตถ์ซ้ายทรงบังเหียน ท่านำพลรุกไล่ข้าศึก
โดยที่พระบรมราชานุสาวรีย์แห่งนี้ ทางรัฐบาลได้ให้ประชาชนออกเงินบริจาคสร้าง และเปิดโอกาสให้ได้ออกเสียงเลือกแบบด้วย ซึ่งเสียงส่วนใหญ่เลือกแบบในปัจจุบันนี้
ทางราชการได้ประกอบพระราชพิธีเปิด และถวายบังคมพระบรมราชาอนุสาวรีย์ ครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2497 และในวันที่ 28 ธันวาคม 2497 จึงมีรัฐพิธีเปิด เป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินทรงวางพวงมาลา ถวายราชสักการะ
วันที่ 28 ธันวาคม 2310 เป็นวันที่สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี กอบกู้เอกราชชาติไทยกลับคืนหลังจากการเสียกรุงครั้งที่สอง ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงธนบุรี ทางราชการจึงกำหนดให้วันที่ 28 ธันวาคม ของทุกปีเป็นวันถวายบังคมพระบรมราชาอนุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี จะมีพิธีบวงสรวงดวงพระวิญญาณของพระองค์ ที่พระบรมราชานุสาวรีย์ วงเวียนใหญ่
ในเดือนพฤศจิกายน 2548 กรุงเทพมหานครได้ปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์วงเวียนใหญ่ให้แลดูสวยงามขึ้น มีการติดตั้งไฟส่องพระบรมราชานุสาวรีย์ในเวลากลางคืน แล้วเสร็จในเดือนพฤศจิกายน 2551

ตลาดกลางคืน



เที่ยวกรุงเทพ


กรุงเทพมหานคร...ที่ไม่เคยหลับไหล ร้านค้าต่าง ๆ นอกจากจะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้ชอปปิ้งในเวลากลางวันแล้ว ในช่วงเวลากลางคืน ยังมีตลาดหลายแห่งเปิดให้สามารถเลือกซื้อสินค้าที่ถูกใจ ด้วยบรรยากาศที่แตกต่าง สินค้าหลากหลาย ทั้งอาหาร เสื้อผ้า ของแต่งบ้าน สินค้ามือสอง อุปกรณ์แต่งรถ รวมไปถึงต้นไม้และดอกไม้หายากอีกด้วย

          เอ้า! ถ้าอย่างงั้นก็ไปเดินชิล ๆ เพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งในตลาดกลางคืน 12 แห่ง ในเขตกรุงเทพมหานคร อีกทางเลือกของการจับจ่ายสินค้า โดยเริ่มกันที่

สนามหลวง

สนามหลวง"

ท้องสนามหลวง
ท้องสนามหลวง หรือ สนามหลวง เป็นสนามขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ด้านหน้าวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ระหว่างพระบรมมหาราชวังกับพระราชวังบวรสถานมงคล เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

 

 ประวัติ
ท้องสนามหลวง เดิมเรียกว่า ทุ่งพระเมรุ เนื่องจากใช้เป็นที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพพระเจ้าแผ่นดิน และพระบรมวงศานุวงศ์ ครั้นเมื่อ พ.ศ. 2398 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อเรียกจาก “ทุ่งพระเมรุ” เป็น “ท้องสนามหลวง” ดังปรากฏในประกาศว่า “ที่ท้องนาหน้าวัดมหาธาตุนั้น คนอ้างการซึ่งนาน ๆ มีครั้งหนึ่งแลเป็นการอวมงคล มาเรียกเป็นชื่อตำบลว่า ‘ทุ่งพระเมรุ’ นั้นหาชอบไม่ ตั้งแต่นี้สืบไปที่ท้องนาหน้าวัดมหาธาตุนั้น ให้เรียกว่า ‘ท้องสนามหลวง’”
ตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เป็นต้นมา ได้ใช้สนามหลวงเป็นที่ประกอบพระราชพิธีต่าง ๆ เช่น เป็นที่ตั้งพระเมรุมาศของพระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ และเป็นที่ประกอบพระราชพิธีต่าง ๆ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ทำนาที่สนามหลวง เพื่อแสดงให้ปรากฏแก่นานาประเทศว่า เมืองไทยบริบูรณ์ด้วยข้าวปลาอาหาร มีไร่นาไปจนใกล้ ๆ พระบรมมหาราชวัง และไทยเอาใจใส่ในการสะสมเสบียงอาหารไว้เป็นกำลังของบ้านเมืองด้วย
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ประกอบพระราชพิธีพืชมงคล พิธีพิรุณศาสตร์มีกำแพงแล้วล้อมรอบบริเวณ ข้างในสร้างหอพระพุทธรูปสำคัญเป็นที่ประดิษฐานพระสำหรับพิธี สำหรับการพิธีมีพลับพลาที่ทำการพระราชพิธี มีหอดักลมลงที่พลับพลาสำหรับทอดพระเนตรการทำนา ข้างพลับพลามีโรงละครสำหรับเล่นบวงสรวง ด้านเหนือมีพลับพลาน้อยสร้างบนกำแพงแก้วสำหรับประทับทอดพระเนตรการทำนาในท้องทุ่ง นอกกำแพงแก้วยังมีฉางสำหรับใส่ข้าวที่ได้จากการปลูกข้าว
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ขยายสนามหลวงจากเดิม และรื้อพลับพลาต่าง ๆ ที่สร้างในรัชกาลก่อน ๆ เพราะหมดความจำเป็นที่จะต้องทำนา และได้ใช้สนามหลวงเป็นที่ประกอบพิธีต่าง ๆ เช่น การฉลองพระนครครบ 100 ปี งานฉลองเมื่อเสด็จพระราชดำเนินกลับจากยุโรปใน พ.ศ. 2440 ครั้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงใช้ประกอบพระราชพิธีต่าง ๆ ใช้เป็นสนามแข่งม้า สนามกอล์ฟ

ตลาดร่มหุบ

ตลาดร่มหุบ หรืออีกชื่อหนึ่งว่า ตลาดแม่กลอง แต่ชาวบ้านมักจะเรียกว่า ตลาดเสี่ยงตายเป็นตลาดที่ติดอยู่กับ สถานีรถไฟแม่กลอง และก็เป็นส่วนหนึ่งของตลาดเทศบาลจังหวัดสมุดสงคราม ตลาดร่มหุบ เริ่มมาตั้งขาย บริเวณทางริมรถไฟประมาณปี พ.ศ. 2527 เป็นตลาดที่อยู่บนทางรถไฟ สายแม่กลอง-บ้านแหลมพ่อค้า-แม่ค้า ตั้งแผงสองข้างทางรถไฟ ส่วนลูกค้าก็อาศัยทางรถไฟเป็นถนน สำหรับจับจ่ายซื้อของ นักท่องเที่ยวหลายคน ใช้ วิธีท่องเที่ยว โดยการมาขึ้น รถไฟที่สถานีรถไฟบ้านแหลม มายังสถานีรถไฟแม่กลอง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ กระจาด กระบุง ตะกร้า จะถูกจัดวางเข้าๆออกๆ อย่างเป็นระเบียบและรวดเร็วภายในพริบตา รถไฟขบวนนี้เป็น สายสั้น จากสถานีมหาชัยถึงสถานีแม่กลอง เมื่อได้ยินเสียงระฆังหรือธงที่โบกสะบัด จากนายสถานี ก็เริ่มจับตา มอง ต่อความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เรียกได้ว่าเป็นงาน ประจำของพ่อค้าแม่ขายทั้งหลายเหล่านี้ แต่เป็นเสน่ห์ และความสนุกสนานของบรรดานักท่องเที่ยวนั่นเองเมื่อรถไฟผ่านไป ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาพเดิม
ตลาดร่มหุบ

สถานีหัวลำโพง

สถานีหัวลำโพง (รถไฟฟ้ามหานคร)

ภาพบริเวณสถานีรถไฟใต้ดินหัวลำโพง
สถานีหัวลำโพง (อังกฤษ: Hua Lamphong Station, รหัส HUA) เป็นสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ในเส้นทางรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล ที่ถนนพระรามที่ 4 กรุงเทพมหานคร บริเวณสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) ซึ่งเป็นสถานีรถไฟที่เก่าแก่ที่สุด และเป็นสถานีรถไฟหลักของประเทศไทย เนื่องจากเป็นสถานีปลายทางและเพื่อรำลึกถึงกิจการรถไฟในประเทศไทย จึงใช้สถานีหัวลำโพงเป็นสถานที่ทำพิธีวางศิลาฤกษ์โครงการ และทำพิธีเปิดการเดินรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล นอกจากนี้ยังมีส่วนจัดแสดงนิทรรศการถาวรเกี่ยวกับความเป็นมาของโครงการรถไฟฟ้ามหานครอยู่ภายในสถานี

สวนรถไฟ



สวนวชิรเบญจทัศ
เลนจักรยานภายในสวน
ประวัติ
สวนวชิรเบญจทัศ เดิมเคยใช้เป็นสนามกอล์ฟรถไฟ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) สร้างขึ้นตามมติของคณะรัฐมนตรี พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ที่มีมติให้สร้างสวนสาธารณะขึ้นในส่วนของพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทยเพื่อให้เป็นศูนย์กลางในการพักผ่อนหย่อนใจและออกกำลังกายของประชาชนทั่วไปและประชาชนในย่านใกล้เคียง โดยได้รับพระราชทานชื่อ สวนวชิรเบญจทัศ จากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2545 ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันพระราชสมภพ พระชนมายุครบ 50 พรรษา[1]

 ภายในสวน

  • เล่นจักรยาน สวนวชิรเบญจทัศ เป็นเล่นสำหรับจักรยานโดยเฉพาะ รอบ ๆ สวน สำหรับผู้ที่นิยมขี่จักรยาน ซึ่งทางสวนฯมีบริการให้เช่าจักรยานสำหรับขี่ มีจักรยานให้เลือกขี่หลายแบบ อัตราค่าบริหารคันละ 20 บาท โดยไม่จำกัดเวลา
  • สวนนันทนาการชุมชนสวนรถไฟ เป็นส่วนที่ให้บริการด้านกิจกรรมนันทนาการรูปแบบต่าง ๆ มีสระว่ายน้ำสำหรับเด็กที่ตกแต่งด้วยน้ำพุ สร้างความเพลิดเพลิน เปิดบริการ 6.00-20.00 น.
  • ค่ายพักแรม เป็นสถานที่ใช้จัดกิจกรรมกลางแจ้งและตั้งค่ายพักแรมของเด็กนักเรียนเยาวชน
  • สวนป่าใหญ่ในเมือง เป็นสวนป่าจำลองระบบนิเวศวิทยาของป่าเพื่อทำกิจกรรมการศึกษาธรรมชาติ เพื่อการเรียนรู้ สามารถเข้าถ่ายภาพได้
  • สวนปิกนิก ฟ้าใส ไม้สวย ด้วยแรงใจ ปตท.สผ. เป็นสถานที่พื้นที่กว่า 4 ไร่ ด้วยการสนับสนุนของบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) สำหรับจัดปิกนิก เป็นลานร่มรื่น มีเตาปิ้งสำหรับปิ้งอาหารทานเองได้ และมีบึงน้ำขนาดใหญ่ให้เช่าเรือพายเล่น ราคาลำละ 50 บาท ต่อเวลาครึ่งชั่วโมง เปิดบริการ 7.00-21.00 น.
  • หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ หรือ สวนโมกข์กรุงเทพ เป็นสาขาของสวนโมกขพลาราม สถานที่ปฏิบัติธรรมและค้นคว้าศึกษาเกี่ยวกับธรรมะ สร้างตามดำริของท่านพุทธทาส อินทปัญโญ ใช้งบประมาณก่อสร้างกว่า 160 ล้านบาท โดยเริ่มดำเนินการสร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 เปิดอย่างเป็นทางการวันแรกเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2553[3]
  • ศูนย์อาหาร เป็นที่ตั้งของร้านค้าอาหาร เครื่องดื่ม ขนม ต่าง ๆ อยู่บริเวณใกล้ทางเข้าด้านถนนวิภาวดีรังสิต เปิดให้บริการถึง 21.00 น.
ประวัติ
สวนวชิรเบญจทัศ เดิมเคยใช้เป็นสนามกอล์ฟรถไฟ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) สร้างขึ้นตามมติของคณะรัฐมนตรี พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ที่มีมติให้สร้างสวนสาธารณะขึ้นในส่วนของพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทยเพื่อให้เป็นศูนย์กลางในการพักผ่อนหย่อนใจและออกกำลังกายของประชาชนทั่วไปและประชาชนในย่านใกล้เคียง โดยได้รับพระราชทานชื่อ สวนวชิรเบญจทัศ จากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2545 ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันพระราชสมภพ พระชนมายุครบ 50 พรรษา[1]

[แก้] ภายในสวน

  • เล่นจักรยาน สวนวชิรเบญจทัศ เป็นเล่นสำหรับจักรยานโดยเฉพาะ รอบ ๆ สวน สำหรับผู้ที่นิยมขี่จักรยาน ซึ่งทางสวนฯมีบริการให้เช่าจักรยานสำหรับขี่ มีจักรยานให้เลือกขี่หลายแบบ อัตราค่าบริหารคันละ 20 บาท โดยไม่จำกัดเวลา
  • สวนนันทนาการชุมชนสวนรถไฟ เป็นส่วนที่ให้บริการด้านกิจกรรมนันทนาการรูปแบบต่าง ๆ มีสระว่ายน้ำสำหรับเด็กที่ตกแต่งด้วยน้ำพุ สร้างความเพลิดเพลิน เปิดบริการ 6.00-20.00 น.
  • ค่ายพักแรม เป็นสถานที่ใช้จัดกิจกรรมกลางแจ้งและตั้งค่ายพักแรมของเด็กนักเรียนเยาวชน
  • สวนป่าใหญ่ในเมือง เป็นสวนป่าจำลองระบบนิเวศวิทยาของป่าเพื่อทำกิจกรรมการศึกษาธรรมชาติ เพื่อการเรียนรู้ สามารถเข้าถ่ายภาพได้
  • สวนปิกนิก ฟ้าใส ไม้สวย ด้วยแรงใจ ปตท.สผ. เป็นสถานที่พื้นที่กว่า 4 ไร่ ด้วยการสนับสนุนของบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) สำหรับจัดปิกนิก เป็นลานร่มรื่น มีเตาปิ้งสำหรับปิ้งอาหารทานเองได้ และมีบึงน้ำขนาดใหญ่ให้เช่าเรือพายเล่น ราคาลำละ 50 บาท ต่อเวลาครึ่งชั่วโมง เปิดบริการ 7.00-21.00 น.
  • หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ หรือ สวนโมกข์กรุงเทพ เป็นสาขาของสวนโมกขพลาราม สถานที่ปฏิบัติธรรมและค้นคว้าศึกษาเกี่ยวกับธรรมะ สร้างตามดำริของท่านพุทธทาส อินทปัญโญ ใช้งบประมาณก่อสร้างกว่า 160 ล้านบาท โดยเริ่มดำเนินการสร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 เปิดอย่างเป็นทางการวันแรกเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2553[3]
  • ศูนย์อาหาร เป็นที่ตั้งของร้านค้าอาหาร เครื่องดื่ม ขนม ต่าง ๆ อยู่บริเวณใกล้ทางเข้าด้านถนนวิภาวดีรังสิต เปิดให้บริการถึง 21.00 น.

สวนผึ้ง ราชบุรี

สวนผึ้ง ราชบุรี

สวนผึ้ง ราชบุรี

สวนผึ้ง ราชบุรี

ท่องเที่ยวสุขใจพบได้ที่ สวนผึ้ง จ.ราชบุรี (คู่หูเดินทาง)

          สวนผึ้ง เป็นอำเภอหนึ่งของ จังหวัดราชบุรี ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เพราะมีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ ทั้งป่าไม้ ภูเขา และน้ำตก พื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นที่ราบสูง ภูมิประเทศของสวนผึ้งนั้นขนาบด้วยเทือกเขาตะนาวศรี ซึ่งเป็นพรมแดนทางตะวันตกกั้นระหว่างประเทศไทยกับพม่า การเดินทางสะดวก ใช้เวลาเดินทางเพียง 2 ชั่วโมงกว่า ๆ จากกรุงเทพฯ ก็ถึงแล้ว 

          สถาน ที่ท่องเที่ยวมีความหลากหลาย ทั้งจากธรรมชาติสร้างและฝีมือมนุษย์รังสรรค์ ที่สำคัญมาเที่ยวกันได้ตลอดทั้งปีโดยเฉพาะหน้าหนาวอากาศจะดีมาก ๆ บ้างก็ว่าเหมือนกับอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน บ้างก็ว่าเหมือนประเทศนิวซีแลนด์ ก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจก็มีอยู่มากมายหลายแห่ง

สามชุก ตลาดร้อยปี

สามชุก ตลาดร้อยปี
   ย้อนเวลา... ค้นหาความทรงจำที่อาจลืมเลือน ภาพอดีตที่ยังคงอยู่ แม้เวลาจะผ่านไปแสนนาน ตลาดเก่าที่มีชีวิต และคอยเล่าเรื่องราวของวันเวลาที่กำลังจะจางหายไปจากความรู้สึก และความทรงจำให้กับผู้คนที่ผ่านมายังตลาดแห่งนี้ ตัวอำเภอยังเป็นตลาดเก่าที่สร้างด้วยไม้เรียงติดกัน อยู่ริมฝังตะวันตกของแม่น้ำท่าจีน ภาพวิถีีชีวิตของผู้คนในชุมชน,
สถาปัตยกรรมโบราณ เชิงชายไม้แกะสลัก
   อาคารพิพิธภัณฑ์บ้านขุนจำนงค์ จีนารักษ์ - ร้านขายยาจีน - ไทยโบราณ - ร้านกาแฟโบราณ - ร้านถ่ายรูปโบราณ ฯลฯ
ยังคงมีสภาพ และรูปแบบเดิมเหมาะแก่การอนุรักษ์ และรักษาให้เป็นบันทึกของชีวิตริมแม่น้ำท่าจีนอีกแห่งหนึ่ง และยังเป็นแหล่งรวมสินค้า โดยเฉพาะขนมไทยโบราณ กาแฟสด และอาหารสดจำพวกปลาแม่น้ำและพืชผักจากชาวบ้าน 

บางลำพู

Jul 2011

บางลำพู ชวนชิม ริมทาง |


0

วังหลัง




ประวัติ
พระราชวังบวรสถานพิมุข หรือ วังหลัง คือ วังของสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระอนุรักษ์เทเวศร์ กรมพระราชวังบวรสถานภิมุข ซึ่งทรงเป็น กรมพระราชวังบวรสถานภิมุข ในรัชกาลที่ ๑ สร้างขึ้นที่ตำบลสวนลิ้นจี่ ตั้งแต่เมื่อครั้งยังดำรงพระยศเป็น สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงอนุรักษ์เทเวศน์ ถือว่าเป็นพระราชนิเวศน์เดิมของพระองค์ท่าน พื้นที่ดังกล่าวนี้ มีขอบเขตทางทิศเหนือจรดกำแพงเมืองธนบุรีเดิม ทางทิศใต้จรดฉางเกลือ
วังหลังนี้เป็นกำลังสำคัญที่จะป้องกันพระนครทางทิศตะวันตกฝ่ายเหนือจากการรุกรานของข้าศึก ถัดจากวังหลังลงไปเป็นตำบลสวนมังคุด ซึ่งเป็นบ้านเดิมของสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาเทพสุดาวดี ต่อไปเป็นบ้านปูนและบ้านขมิ้นตามลำดับ ครั้นกรมพระราชวังหลังทิวงคตแล้ว วังก็ถูกแบ่งออกเป็นตอน ๆ ตอนพระมณเทียรสถานเดิม พระชายาทองอยู่ ที่เรียกกันทั่วไปว่า "เจ้าครอกข้างใน" ประทับอยู่ ทางตอนใต้แบ่งออกเป็น ๓ วัง คือ 1. วังเหนือ เรียกว่า วังน้อย เป็นที่ประทับของ พระสัมพันธวงศ์เธอ กรมหมื่นนเรศรโยธี 2. วังกลาง เรียกว่า วังกลาง เป็นที่ประทับของ พระสัมพันธวงศ์เธอ กรมหลวงเสนีย์บริรักษ์ ต้นราชสกุลเสนีวงศ์ 3. วังใต้ เรียกว่า วังใหญ่ เป็นที่ประทับของ พระสัมพันธวงศ์เธอ กรมหมื่นนราเทเวศร์ ต้นราชสกุลปาลกะวงศ์ ครั้นถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เชื้อสายกรมพระราชวังหลังไม่มีกำลังที่จะดูแลรักษาวัง จึงได้ปล่อยให้ร้างอยู่อย่างนั้น โดยที่รอบ ๆ เป็นที่อยู่ของราชสกุลเสนีวงศ์ หรือ ปาลกะวงศ์ ซึ่งเป็นเชื้อสายของกรมพระราชวังหลังในปัจจุบัน ที่เหลือกลายเป็นที่ดินราษฎรไป
คณะกรรมการสร้างโรงพยาบาลศิริราชได้ขอพระราชทานที่แปลงใต้ คือ วังกรมหมื่นนราเทเวศน์ มาเป็นพื้นที่สำหรับสร้างโรงพยาบาล ต่อมา โรงพยาบาลศิริราชได้ขยายออกไปจนเกือบเต็มวังหลัง โดยได้รับพระราชทานพื้นที่เพิ่มเติมบ้าง เวนคืนด้วยเงินงบประมาณบ้าง ส่วนเขตวังหลังส่วนเหนือซึ่งเป็นที่ของสถานีรถไฟธนบุรี ทางโรงพยาบาลศิริราชเพิ่งได้รับกรรมสิทธิ์เพิ่มเติมอีก ๓๐ ไร่ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๗ เพื่อพัฒนาเป็นสถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาคเนย์
ปัจจุบัน ตำบลวังหลัง ได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็น แขวงศิริราช ส่วนถนนเข้าวังหลังได้รับชื่อว่า ถนนพรานนก
ประวัติ
พระราชวังบวรสถานพิมุข หรือ วังหลัง คือ วังของสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระอนุรักษ์เทเวศร์ กรมพระราชวังบวรสถานภิมุข ซึ่งทรงเป็น กรมพระราชวังบวรสถานภิมุข ในรัชกาลที่ ๑ สร้างขึ้นที่ตำบลสวนลิ้นจี่ ตั้งแต่เมื่อครั้งยังดำรงพระยศเป็น สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงอนุรักษ์เทเวศน์ ถือว่าเป็นพระราชนิเวศน์เดิมของพระองค์ท่าน พื้นที่ดังกล่าวนี้ มีขอบเขตทางทิศเหนือจรดกำแพงเมืองธนบุรีเดิม ทางทิศใต้จรดฉางเกลือ
วังหลังนี้เป็นกำลังสำคัญที่จะป้องกันพระนครทางทิศตะวันตกฝ่ายเหนือจากการรุกรานของข้าศึก ถัดจากวังหลังลงไปเป็นตำบลสวนมังคุด ซึ่งเป็นบ้านเดิมของสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาเทพสุดาวดี ต่อไปเป็นบ้านปูนและบ้านขมิ้นตามลำดับ ครั้นกรมพระราชวังหลังทิวงคตแล้ว วังก็ถูกแบ่งออกเป็นตอน ๆ ตอนพระมณเทียรสถานเดิม พระชายาทองอยู่ ที่เรียกกันทั่วไปว่า "เจ้าครอกข้างใน" ประทับอยู่ ทางตอนใต้แบ่งออกเป็น ๓ วัง คือ 1. วังเหนือ เรียกว่า วังน้อย เป็นที่ประทับของ พระสัมพันธวงศ์เธอ กรมหมื่นนเรศรโยธี 2. วังกลาง เรียกว่า วังกลาง เป็นที่ประทับของ พระสัมพันธวงศ์เธอ กรมหลวงเสนีย์บริรักษ์ ต้นราชสกุลเสนีวงศ์ 3. วังใต้ เรียกว่า วังใหญ่ เป็นที่ประทับของ พระสัมพันธวงศ์เธอ กรมหมื่นนราเทเวศร์ ต้นราชสกุลปาลกะวงศ์ ครั้นถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เชื้อสายกรมพระราชวังหลังไม่มีกำลังที่จะดูแลรักษาวัง จึงได้ปล่อยให้ร้างอยู่อย่างนั้น โดยที่รอบ ๆ เป็นที่อยู่ของราชสกุลเสนีวงศ์ หรือ ปาลกะวงศ์ ซึ่งเป็นเชื้อสายของกรมพระราชวังหลังในปัจจุบัน ที่เหลือกลายเป็นที่ดินราษฎรไป
คณะกรรมการสร้างโรงพยาบาลศิริราชได้ขอพระราชทานที่แปลงใต้ คือ วังกรมหมื่นนราเทเวศน์ มาเป็นพื้นที่สำหรับสร้างโรงพยาบาล ต่อมา โรงพยาบาลศิริราชได้ขยายออกไปจนเกือบเต็มวังหลัง โดยได้รับพระราชทานพื้นที่เพิ่มเติมบ้าง เวนคืนด้วยเงินงบประมาณบ้าง ส่วนเขตวังหลังส่วนเหนือซึ่งเป็นที่ของสถานีรถไฟธนบุรี ทางโรงพยาบาลศิริราชเพิ่งได้รับกรรมสิทธิ์เพิ่มเติมอีก ๓๐ ไร่ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๗ เพื่อพัฒนาเป็นสถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาคเนย์
ปัจจุบัน ตำบลวังหลัง ได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็น แขวงศิริราช ส่วนถนนเข้าวังหลังได้รับชื่อว่า ถนนพรานนก

คลองสาน


เขตคลองสาน
กรุงเทพมหานคร
แผนที่กรุงเทพมหานคร เน้นเขตคลองสาน



ที่ตั้งและอาณาเขต
ตั้งอยู่บริเวณตะวันออกสุดของ ฝั่งธนบุรี มีอาณาเขตติดต่อกับพื้นที่การปกครองต่าง ๆ เรียงตามเข็มนาฬิกาดังนี้
เขตคลองสานเดิมมีฐานะเป็น อำเภอบางลำภูล่าง อยู่ในเขตปกครองของจังหวัดธนบุรี และได้เปลี่ยนชื่อเป็น อำเภอบุปผาราม ต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนนามอำเภอบุปผารามเป็น อำเภอคลองสาน ในปี พ.ศ. 2459 เนื่องจากมีขณะนั้นที่ตั้งอำเภออยู่ที่วัดทองนพคุณในเขตตำบลคลองสาน
ในปี พ.ศ. 2481 ได้มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรียุบรวมอำเภอและยุบอำเภอลงเป็นกิ่งอำเภอ โดยอำเภอคลองสานได้ถูกลดฐานะลงเป็น กิ่งอำเภอคลองสาน ขึ้นกับอำเภอบางยี่เรือ (พ.ศ. 2482 อำเภอบางยี่เรือได้เปลี่ยนชื่อเป็นอำเภอธนบุรี)
ต่อมาในพื้นที่กิ่งอำเภอคลองสานมีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้น ในปี พ.ศ. 2500 จึงได้มีพระราชกฤษฎีกาตั้ง อำเภอคลองสาน ขึ้นอีกครั้ง
ครั้นในปี พ.ศ. 2514 ได้มีประกาศคณะปฏิวัติให้รวมจังหวัดพระนครกับจังหวัดธนบุรีเข้าเป็นจังหวัดนครหลวงกรุงเทพธนบุรีและมีฐานะเป็นกรุงเทพมหานครในปี พ.ศ. 2515 แบ่งพื้นที่ออกเป็นเขตและแขวงแทนอำเภอและตำบล อำเภอคลองสานจึงเปลี่ยนฐานะเป็น เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร